มาลาไคต์ เป็นที่รู้จักในชื่อ “หินแห่งการเดินทาง” อันเนื่องมาจากคุณสมบัติที่ปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายจากการเดินทาง มีพลังป้องกันอุบัติเหตุ เชื่อว่าหากจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นจะส่งหลังทำให้หินแตกเพื่อแจ้งเตือนได้ 

สำหรับในประเทศญี่ปุ่นมาลาไคต์เป็นที่รู้จักในนาม “หินนกยูง” ว่ากันว่า คลีโอพัตราเคยใช้ผงมาลาไคต์เพื่อใช้เสริมแต่งความงาม ต้นกำเนิดของชื่อมาลาไคต์นั้นยังไม่ชัดเจน บ้างก็ว่ามาจากภาษากรีกที่หมายถึง “สีเขียว” ของพันธุ์ไม้มอลโล (Mallows) หรืออาจจะได้มาจากอีกคำหนึ่ง ในภาษากรีกที่หมายความว่า “อ่อน” ด้วยเหตุที่ว่าตัวมาลาไคต์เองมีทั้งสีเขียว และเนื้อที่อ่อน

สรรพคุณของหินมาลาไคต์

          ทางด้านร่างกาย ตามความเชื่อหากสวมมาลาไคต์ไว้ในมือซ้ายหรือวางไว้ที่หน้าผากจะสามารถช่วยรักษาอาการหืดหอบ บรรเทาอาการอักเสบ ติดเชื้อ ช้ำบวม เช่น ข้อต่ออักเสบ อาการบวมน้ำบริเวณข้อต่อ เป็นต้น ป้องกันสารพิษจากกัมตภาพรังสี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย อีกทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นตะคริวบ่อย ปวดประจำเดือน ปวดหัวไมเกรน หรือถ้าให้เด็กเป็นของขวัญก็จะช่วยปกป้องเด็กจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้อีกด้วย

          ทางด้านจิตใจ มาลาไคต์เป็นหินที่มีความสามารถในการขยายพลังบวก และล้างพลังลบ โดยทำหน้าที่ดึงพลังงานลบออกจากตัวผู้สวมใส่ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวลให้ออกจากร่างกาย และสามารถดูดและกำจัดพลังงานลบจากสถานที่ต่างๆได้ จึงนิยมวางไว้รอบตัวบ้านหรือที่ทำงาน

          นอกจากความสามารถในการกำจัดพลังงานลบแล้ว มาลาไคต์ยังมีพลังปกป้องที่สูงมาก จัดเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังคุ้มกันภัยตราย ไม่ว่าจะนำมาใช้เป็นเครื่องดักฝันร้าย เครื่องป้องกันคุณไสย กำจัดคำสาปแช่งให้หมดฤทธิ์ อีกทั้งยังโดดเด่นที่สุดในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง ลดความกลัวการบิน ปกป้องได้แม้กระทั่งการเดินบนถนน โดยหินจะส่งพลังปกป้องต้านพลังร้าย จนบางทำให้ครั้งหินแตกหรือร้าวได้

          ตามความเชื่อของชาวพุทธ มาลาไคต์เป็นหินที่ช่วยส่งเสริมด้านอำนาจบารมี ความเจริญก้าวหน้า ป้องกันอุบัติเหตุ เสริมด้านคำพูด เจรจาต่อรอง ช่วยให้เข้าสมาธิได้เร็ว หากใช้มาลาไคต์ในการทำสมาธิ พลังหินจะช่วยเสริมให้มีความแข็งแกร่งทางจิตใจ ก่อให้เกิดความมั่นใจ เสริมอำนาจน่าเกรงขาม

          ดังนั้นแล้วมาลาไคต์ถือเป็นหินแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ ช่วยกำจัดปมเจ็บปวดฝังลึกที่อยู่ในจิตใจ มีพลังในการบำบัดอารมณ์อย่างลึกซึ้ง ช่วยให้เข้าใจในความรัก ความภักดีในความสัมพันธ์ ก่อให้เกิดการตระหนัก และปล่อยวาง ปล่อยวางชีวิตในรูปแบบเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า ผลักดันให้ผู้สวมใส่รับผิดชอบในความคิด ความรู้สึก และการกระทำของตนเอง ช่วยให้ค้นพบความสามารถที่ซ่อนเร้น และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์

มาลาไคต์เหมาะสำหรับใคร

เหมาะสำหรับอาชีพ ที่เกี่ยวกับการเดินทางและใช้ความคิด เช่น พนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว หรือสายการบิน คนงานในเมืองหรือไซต์ก่อสร้าง เลขานุการ นักวางแผน

เหมาะสำหรับ ผู้ที่เกิดวันพุธมากที่สุด เสริมความขยันขันแข็ง มั่งคั่งร่ำรวย มีบริวารมากมาย และยังเหมาะสำหรับผู้ที่เกิด

วันอาทิตย์ เสริมความมั่งคั่ง ร่ำรวย

วันจันทร์ เสริมอำนาจ ความขยันขันแข็ง

วันอังคาร อายุยืนยาว มีทรัพย์สินมากมาย และผู้ที่เกิด

วันพฤหัสบดี เสริมมั่งคั่งร่ำรวย ผู้ใหญ่รัก เมตตา อุปถัมภ์ค้ำชู

ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เกิดวันศุกร์ และวันเสาร์ ตามความเชื่อว่า ถ้ามีติดตัวไว้จะมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้สวมใส่

เหมาะสำหรับราศี มังกร พิจิก ธนู และ กันย์

คุณสมบัติทางกายภาพ

สูตรเคมี Cu2(CO3)(OH)2

องค์ประกอบหลัก แร่คาร์บอนเนต

สี สีเขียว

สีผงรอยแตก สีเขียว

ค่าความแข็งของโมร์ 3.58 – 4.01

โครงสร้างผลึก โมโนคลีนิค

ความโปร่งแสง ส่วนใหญ่จะทึบ ผลึกจะมีความโปร่งแสง

ลักษณะเด่นและวิธีตรวจ มาลาไคต์ที่จะมีลวดลาย เป็นวงซ้อน ๆ กัน มีสีเขียวอ่อน ซ้อนสลับชั้นไปกับสีเขียวแก่ ดูคล้ายกับลวดลายบนเปลือกหอย หรือลายเส้นเป็นขั้นๆคล้ายกับอาเกต ไม่ทนทานกับความร้อน น้ำร้อน และกรดแอมโมเนีย อาจเกิดรอยขีดข่วน และสีด้านไม่เงางาม

          ชื่อของหินชนิดนี้มาจากภาษากรีก Μολοχίτηςλίθος อ่านว่า "โมโลคลิติส ลิตอต(molochitis Lithos)" ที่แปลว่า "หินชบาสีเขียว" ตัวหินได้รับชื่อนี้ เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับใบของต้นชบา และมีอีกข้อสันนิษฐานที่คาดว่ามาจากภาษาเดียวกันคำว่า มาลาคี (malache=mallow หรือ malakos=soft) ซึ่งแปลว่าเขียวหรือและแปลว่าอ่อนด้วย

          มาลาไคต์(Malachite) เป็นแร่ทองแดงคาร์บอเนตไฮดรอกไซด์ที่มีแร่สีเขียวทึบ ผลึกอยู่ในระบบหนึ่งแกนเอียง มีลักษณะเรียวยาวคล้ายรูปเข็ม มีมักเกิดแบบเส้นใยริ้ว ผลึกมีความวาวคล้ายเพชรถึงแบบแก้ว แต่มักจะพบในชนิดที่เป็นแบบเส้นใยซึ่งวาวแบบใยไหม หากเป็นชนิดที่มีลักษณะคล้ายดินจะมีเนื้อด้าน รอยแตกแบบก้นหอยถึงแบบเสี้ยน มีแนวแตกเรียบสมบูรณ์ แต่จะไม่เห็นรอยแตก

          ในช่วง 1,800 ปีก่อนคริสต์กาล มีการทำเหมืองแร่มาลาไคต์อย่างกว้างขวางในพื้นที่ที่เป็นประเทศอังกฤษในปัจจุบัน นอกจากนี้ หลักฐานทางโบราณคดียังบ่งชี้ว่า การทำเหมืองในบริเวณดังกล่าวสิ้นสุดประมาณ 600 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งสามารถคำนวนย้อนกลับถึงปริมาณที่ทำการผลิต มีมากถึง 1,760 ตันทองแดง

          อีกทั้งหลักฐานทางโบราณคดียังบ่งชี้อีกว่า ในบริเวณหุบเขาทิมนา(Timna) หรือบริเวณประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน มีการทำเหมืองและสกัดโลหะทองแดงมานานกว่า 1,000 ปีก่อนคริสตกาล จึงทำให้ทราบได้ว่ามีการขุดพบ และใช้มาลาไคต์เพื่อเป็นโลหะ และอัญมณีตั้งแต่ในอดีต นอกจากนี้มาลาไคต์จะมีสีเขียวที่ไม่ซีดจางตามกาลเวลา และแสงแดด อีกทั้งความอ่อนของเนื้อมาลาไคต์ที่สามารถบดให้เป็นผงได้อย่างง่าย ด้วยคุณสมบัติสองข้อนี้ จึงทำให้มาลาไคต์ถูกใช้เป็นสารเติมสีที่มีความต้องการเป็นเวลาหลายพันปี

          มาลาไคต์ที่เป็นศิลป์วัตถุราคาค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องประดับประเภทอื่นๆ เนื่องจากลวดลายเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของหินมาลาไคต์ หากมาลาไคต์ผ่านการเจียระไนด้วยฝีมือช่างที่ประณีตจะยิ่งเพิ่มความน่าดึงดูด และเสน่ห์ของมาลาไคต์ได้เป็นอย่างมาก

          โดยมาลาไคต์ถูกใช้เป็นอัญมณีและวัสดุประติมากรรมเป็นเวลาหลายพันปี และยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยมักถูกตัดมาทำเป็นหัวแหวน ลูกปัดสำหรับเครื่องประดับ เจียระไนเป็นลักษณะหลังเบี้ย รูปสลักต่างๆ ตลับใส่ของ หรือกล่องต่างๆ เป็นต้น

แหล่งที่มีการพบมาลาไคต์

          ในอดีตพบที่เทือกเขาอูราลในประเทศรัสเซีย ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นแหล่งมาลาไคต์ที่สําคัญที่สุด เพราะว่าพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียแต่ละพระองค์ ต่างก็ทรงนำมาลาไคต์จํานวนมากมายมหาศาลมาตบแต่งปราสาทราชวังของพระองค์เอง และนำมาประดิษฐ์ออกแบบเป็นวัสดุตกแต่งส่วนต่างในพระราชวัง ซึ่งมีความสวยงามและประณีตอย่างยิ่ง

ประเทศไทย

อ.จันทก จ.นครราชสีมา, อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ จ.เลย จ.หนองคาย จ.ขอนแก่น และทั่ว ๆ ไปในแหล่งแร่ทองแดงของประเทศ

ต่างประเทศ

พบเกิดร่วมกับแร่อะซูไรต์ที่แอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ แซร์ นามิเบีย โรดีเซีย คองโก ซิมบับเว ออสเตรเลีย รัสเซีย ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา

คุณภาพและปริมาณการผลิต แซร์ ถือเป็นแหล่งที่สําคัญที่สุดในโลก

การเกิดของมาลาไคต์

          เกิดเป็นแร่ทุติยภูมิ พบในเขตออกซิไดส์ของสายแร่ทองแดง ร่วมกับแร่อะซูไรต์ คิวไพรต์ ทองแดงธรรมชาติ เหล็กออกไซด์ และซัลไฟด์ของทองแดง ปกติจะพบเกิดในแหล่งแร่ทองแดงที่เกี่ยวข้องกับหินปูน

ตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับมาลาไคต์

          ในอียิปต์โบราณสีเขียว (wadj) เป็นสีที่เกี่ยวข้องกับความตายและการฟื้นคืนชีพ เช่นเดียวกับชีวิตใหม่และความอุดมสมบูรณ์ เชื่อว่าชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าชีวิตหลังความตายจะอยู่บนสวรรค์ชั่วนิรันด์นิรันดร์ คล้ายกับตอนที่เค้ามีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีความเจ็บปวด หรือการบาดเจ็บ พวกเค้าเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า "ทุ่งแห่งมาลาไคต์"

          นอกจากนี้ มาลาไคต์ยังถูกใช้เป็นหนึ่งในหินแห่งพลังชั้นสูงของพวกเขา ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวส่งพลังงานจากพื้นดิน

          ฟาโรห์อียิปต์มักจะใส่มาลาไคต์ที่ด้านในของชายผ้าของหมวก(headdresses) ของพวกเขา โดยเชื่อว่ามันช่วยให้พวกเขาวางแผนได้อย่างชาญฉลาด ส่วนผงละเอียดจะถูกใช้เป็นอายแชโดว์ที่ยอดเยี่ยม โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะทาเพื่อความสวยงาม แต่เพื่อกระตุ้นวิสัยทัศน์และการมองเห็นที่ชัดเจน

           ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์และในหมู่บ้านซาเวอ(Savoie) ในบริเวณเทือกเขาแอลป์ของฝรั่งเศส จะให้ผู้หญิงที่มีครรภ์สวมกางเขนที่ทำจากมาลาไคต์ เพราะเชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ โดยถ้าเป็นครอบครัวของแม่ที่มีลูกหลายคน จะมีคอลเล็คชันของกางเขนมาลาไคต์อยู่หลายชิ้น ความเชื่อนี้น่าจะมีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15

          นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า การติดหินมาลาไคต์อยู่ที่เปลเด็กทารก จะช่วยป้องกันวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมด และเด็กๆจะนอนหลับอย่างสงบ และป้องกันฝันร้าย

          นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี(นักบุญที่มีผู้เคารพนับถือมากที่สุดของนิกายโรมันคาทอลิก) เคยบอกถึงมาลาไคต์ จนเป็นประเด็นใหญ่ในสมัยนั้นว่า การสวมใส่อัญมณีจากมาลาไคต์จะช่วยให้เข้าใจภาษาของสัตว์ได้ และหากนำมาทำเป็นแก้ว และดื่มน้ำจากแก้วที่ทำจากมาลาไคต์จะช่วยให้สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้

         สมัยโบราณมาลาไคต์เป็นหินยอดนิยมอันหนึ่งสาหรับพกพา เวลาเดินทางนํ้าทางเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสํารวจและนักผจญภัย ถ้าตัดมาลาไคต์เป็นก้อนสามเหลี่ยมเชื่อว่าจะป้องกันภัยจากดวงตา ปีศาจและทําให้ราชินีแห่งสวรรค์ที่มีชื่อว่า จูโนหรือเฮรา (Juno หรือ Hera) เป็นผู้คุ้มครอง นอกจากนั้นยังใช้ในการบูชาเทพธิดาวีนัส หรือ แอโฟรไดท์ (Venus or Aphrodite) เพื่ออธิษฐานขอความรักแท้ได้อีกด้วย

          ในอารยธรรมบางแห่งใช้มาลาไคต์เป็นเครื่องสําอางค์ เช่น ที่อียิปต์ได้ค้นพบถ้วยดินเผาเล็กๆที่มีมาลาไคต์ป่นเป็นผงบรรจุวางอยู่ใกล้ๆกับมัมมี่ แม้แต่เรื่องเล่าของคนชาวยิวเล่าว่าพระเจ้าโซโลมอนก็มีเหมืองมาลาไคต์ขนาดใหญ่ซึ่งทําให้พบแร่ทองแดงอันเป็นผลพลอยได้ทำให้ชนชาวยิวในขณะนั้นร่ำรวยเป็นอันมากเพราะนําทองแดงไปอาวุธและเครื่องใช้ต่างๆ